กว่าจะเป็นร้านDoนม...
ย้อนหลังไปเมื่อปี 2552 เมื่อ คุณอภิชาติ ศิริอุดมเศรษฐ ได้เป็นประธานชมรม อย่าลืม..โพธาราม ที่ตั้งขึ้น เพื่อเคลื่อนไหวให้ผู้คนชาวโพธาราม ได้รับรู้ถึงความสำคัญของย่านเก่าแก่ดั้งเดิมที่งดงามของเมืองโพธารามว่ามีค่าคู่แผ่นดินเช่นไร และถ้ามีการนำไปสร้างสรรค์ต่อยอดบางสิ่งบางอย่าง โดยอิงแนวคิดที่ว่า นำสิ่งเก่ามาสร้างคุณค่าใหม่ อาทิ นำย่านเก่าแก่ดั้งเดิมของเมืองมาพัฒนา ก็สามารถนำมาเป็นจุดขาย ด้านการท่องเที่ยวของเมืองโพธาราม ได้ ซึ่งเมืองโพธาราม ก็นับว่ามีศักยภาพสูงมากๆ ถ้าสามารถทำให้โพธารามกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง นั่นแสดงว่า ย่านเก่าแก่ดั้งเดิมของเมืองนี้ จะถูกดูแลรักษาจากชุมชน เพราะเขาจะรู้ว่า ของเก่าสามารถใช้ทำมาหากินได้
โดยชมรมฯได้ระดมเงินทุนเข้าซ่อมแซม บ้านแม่เลขา ใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ และใช้เป็นที่ทำการชมรมฯ ยังคงมีห้องแถวไม้อีกหลายหลังที่รอการบูรณะ แต่ด้วยใช้วัสดุเป็นไม้ การซ่อมแซ่มต้องทำด้วย ฝีมือ และ รสนิยม ทั้งใช้ทุนทรัพย์สูง ห้องแถวไม้จำนวนมากจึงรอการรื้อทิ้งเสียมากกว่า
เยื้องๆกับบ้านแม่เลขา ตรงข้ามกับร้านกรอบรูป ของ ย่านตลาดบน เมืองโพธาราม มีห้องแถวไม้ชั้นเดียวอยู่ 2 ห้อง ที่ถูกทิ้งร้างไว้กว่า 20 ปี ด้านหน้าประตูไม้โก่ง เบี้ยว และชำรุดทรุดโทรมอย่างที่สุด รอการพังทลายลง ภายในพื้นเป็นดินทุบแน่น (แบบโบราณไม่ได้ปูคอนกรีต) ฝาไม้ล้มเอียง ด้านหลังหลังคระเบียงถล่มลงมา กองเป็นภูเขา กลางห้องมีเศษไม้ และเศษขยะเต็มไปหมด
2 ห้องนี้เป็นของ เจ๊หนู ที่อาศัยอยู่ที่ห้องติดกันนั่นเอง
เจ๊หนู เคยมีอาชีพรับตัดเสื้อผ้าสตรี เล่าให้ฟังว่า ห้องแถวไม้ทั้ง 2 นี้ มีอายุร่วม 100 ปี สร้างหลังจากไฟไหม้ตลาดบนครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2469 ช่วงรัชสมัย ร.6 นับวันนี้ก็ร่วม 90 กว่าปีเข้าไปแล้ว
เมื่อพ่อของเจ๊หนู ได้มาซื้อห้องแถวไม้พร้อมที่ดินในบริเวณนี้หลายแปลง และเข้ามาอยู่อาศัย และใช้เป็นที่ทำมาหากินค้าขาย เพราะช่วงก่อนนั้น (ย้อนหลังไปราว40-90ปี บริเวณตลาดบนเป็นย่านการค้าที่คึกคักของเมืองโพรารามเป็นอย่างมาก) ใช้เป็นที่ ค้าทอง ค้าโอ่ง-กระถาง-และเครื่องดินเผา และได้ปล่อยบางห้องให้คนเช่า
ซึ่งห้องแถวไม้ที่งดงามเหล่านี้ ได้ผ่านร้อนหนาวมาเนิ่นนาน จนย่านนี้ร่วงโรยไปตามสภาพแวดล้อม จากย่านการค้าที่พลุกพล่าน กลายเป็นแค่ย่านแค่อยู่อาศัย ค้าขายได้เล็กๆน้อยๆ ....2 ห้อง(ที่เป็นร้าน Do ในปัจจุบัน) แม่ของเจ๊หนู ใช้เป็นที่พัก และ 1 ห้องติดกัน (ที่วันนี้เป็นร้านบ้านหนู) เจ๊หนูใช้เป็นที่พักและร้านตัดเสื้อผ้าสตรีของตัวเอง
กระทั่งแม่ของเจ๊หนูเสียชีวิตลง กรรมสิทธิ์ทั้งหมดตกเป็นของเจ๊หนูทั้งหมด แต่ก็ได้ปล่อยให้ 2 ห้องที่แม่เคยใช้เป็นที่พักเป็นห้องร้าง ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เพราะเจ๊หนูไม่ได้แต่งงาน ไม่มีลูกสืบสมบัติ ห้องร้างทั้งสองถูกปล่อยจนทรุดโทรม
เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ห้องแถวไม้ 2 ห้องนี้ ก็ดูมีทีท่าว่าจะคงอยู่อีกไม่นานก็ต้องถล่มลงมา ถ้าไม่ได้มีการซ่อมแซมและบูรณะให้คงสภาพไว้ได้
 
แม้จะมีผู้สนใจกว่า 10 ราย อยากจะเข้ามาเช่า เพื่อทำการค้า แต่เมื่อเห็นสภาพห้อง ทุกรายก็ถอยออกไปหมด เพราะสภาพที่เห็นการซ่อมแซมต้องใช้ทุนเป็นอย่างมาก
จนวันหนึ่งกลางปี 2556 เจ๊หนูได้พูดกับคุณอภิชาติว่า “ถ้าชาติ ไม่เอาไปดูแล เจ๊ก็จะปล่อยให้พังไปอย่างนี้ และไม่ให้คนอื่นเช่าด้วย เพราะดูๆ มาตั้งหลายสิบคน ก็ไม่ตกลงกันสักที เสียเวลาเจ๊ ”
เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณอภิชาติ จึงได้ตัดสินใจเช่า และลงทุนซ่อมแซมด้วตัวเอง
ในขั้นแรกๆก็ไม่รู้ว่าจะใช้ทำอะไรหรือ ค้าขายอะไร คิดได้เพียงว่า ถ้าซ่อมแซม แล้วไม่สามารถใช้ทำมาหากินได้ ห้องแถวไม้อื่นๆ ก็จะไม่กล้าซ่อมแซม ถ้าซ่อมแซมแล้ว ใช้ทำมาหากิน ออกดอกออกผลได้ ก็จะเป็นต้นแบบให้คนอื่นทำตาม
|